... ถ้าใครพอจะเข้าใจแล้ว เดี๋ยวเราไปดูสูตรโครงสร้างของ tense อื่นๆพร้อมกันได้เลยนะคะ
บิ้วขอเลือกมาแต่เฉพาะtense ที่มักจะใช้กันบ่อยๆก็แล้วกันนะคะ :)
Present Continuous + Passive = Present Continuous Passive
S+is/am/are+V.ing + be + V.3 = S+is/am/are+being+V.3
(V. ing ของ V.to be = being)
Present Perfect + Passive = Present Perfect Passive
S+have/has+V.3 + be + V.3 = S+have/has+ been+ V.3
(V. 3 ของ V.to be = been)
Past Simple + Passive = Past Simple Passive
S+V.2 + be + V.3 = S+was/were+ V.3
(V. 2 ของ V.to be = was/were)
Past Continuous + Passive = Past Continuous Passive
S+was/were+V.ing + be + V.3 = S+was/were+being+V.3
(V. ing ของ V.to be = being)
Past Perfect + Passive = Past Perfect Passive
S+had +V.3 + be + V.3 = S+had+ been+ V.3
(V. 3 ของ V.to be = been)
Future Simple + Passive = Future Simple Passive
S+will+V.infinitive + be + V.3 = S+will+be+ V.3
(V. infinitive ของ V.to be = be)
ตามนี้เลยนะคะ :)
สุดท้ายก็จะได้กล่าวถึงขั้นตอนของการเปลี่ยนประโยคจาก active เป็น passive กันนะคะ
1. ให้ดูกรรมในactive (ดูว่าใคร อะไร หรือสิ่งใดถูกกระทำ)
2. นำกรรมที่ได้จาก active ไปขึ้นต้นประโยคของ passive เพื่อทำหน้าที่เป็นประธาน
3. ดูtense ในactive เพื่อที่จะได้ผันโครงสร้างได้ถูกต้องตาม tense ที่กำหนด (ต้องดูtense ใน active เป็นหลัก)
4. ทราบ tense แล้ว ตอนจะเขียนโครงสร้าง passive ตัวกริยาหลักให้ดูใน active ซึงตัวกริยาหลักนี้ต้องผันเป็น กริยาช่องที่ 3 ทุกครั้งเมื่อเขียนลงในประโยค passive
5. ถ้าทราบว่าถูกกระทำโดยใคร ให้เขียน by หลัง กริยาหลัก แล้วตามด้วยผู้กระทำ (ซึ่่งก็คือ ประธานในประโยคactive)
สิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้เลยว่า ถ้าเป็น Passive ยังไงต้องเป็น V.to be (is, am, are, was, were, been, being, be) ตามด้วย V.3 เสมอเลยนะคะ
ไม่ยากนะคะสำหรับเรื่องนี้ แต่ขอให้แม่นโครงสร้าง แล้วก็กริยาสามช่องค่ะ แล้ววิธีการที่จะทำให้เราแม่นโครงสร้าง ก็แล้วแต่วิธีการของแต่ละคนนะคะ ส่วนใหญ่ก็จะท่องจำกันใช่ป่าวคะ แต่สำหรับบิ้ว การท่องจำ เป็นเพียงความจำระยะสั้นเท่านั้น ถ้าใช้สูตรที่ตัวเองคิดได้ ก็น่าจะดีกว่า แต่การดูแนวทางจากผู้อื่นแล้วนำมาประยุกต์ใช้เป็นวิธีของตัวเองก็เป็นวิธีการที่ดีค่ะ นอกจากนี้แล้วยังต้องอาศัยการฝึกฝนในเรื่องของการทำแบบฝึกหัดบ่อยๆ ค่ะ จะได้ชินตากับรูปประโยคและรูปของกริยาค่ะ ... เหมือนเดิมค่า มีคำถามหรือข้อเสนอแนะอะไร ก็โพสต์ไว้ได้เลยนะค้า :) ขอบคุณมากค่า ...
สิ่งต่างๆ ที่จะได้นำเสนอนี้ เกิดขึ้นจากวิธีการคิดของผู้เขียนด้วยตนเอง มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้อ่านได้มีสูตรในการจำโครงสร้างไวยากรณ์ภาษาแบบง่ายๆ หรือ วิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในเนื้อหาด้านอื่นๆ ถ้าผู้อ่านท่านใดมีความประสงค์จะนำข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ ผู้เขียนก็มีความยินดีและดีใจที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ทุกๆคน ให้มีหลักการที่จะช่วยให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษง่ายขึ้น :) ขอบคุณทุกๆคนมากนะคะ ขอให้ชีวิตมีความสุขในทุกๆวันค่ะ
Monday, April 30, 2012
Passive Voice (ประโยคกรรมวาจก) ตอนที่ 1
เห็นหัวข้อที่แปลภาษาไทยก็ปวดหัวแล้วใช่มั๊ยคะ หุหุ ... เอาเป็นว่า บิ้วก็แปลพอให้เป็นพิธีให้เท่านั้นเองค่ะ
มาทำความเข้าใจกันดีกว่า ว่า Passive Voice คือ อะไร แต่ก่อนที่จะไปรู้จักเค้า บิ้วคงต้องขอแนะนำActive Voice ก่อนแล้วกันนะคะ แต่ก่อนอื่นที่จะรู้จักทั้ง Active และ Passive มาดูคำว่า Voice กันก่อนนะคะ
คำว่า Voice ณ ทีนี้ไม่ได้แปลว่า เสียง นะคะ แต่มันแปลได้ว่า วาจกในไวยากรณ์ http://dict.longdo.com/search/voice%20
ซึ่งวาจกตัวนี้ ถ้าเป็นคำนาม จะแปลว่า ผู้บอก หรือ ผู้พูด แต่ถ้าเป็นกริยา จะแปลว่า คำบอกหน้าที่ของคำกริยา http://www.online-english-thai-dictionary.com/definition.aspx?data=2&word=%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%81
ทีนี้ก็มาดูกันค่ะ ว่า Active กับ Passive เค้ามีความต่างกันยังไง
Active - ประธานเป็นผู้กระทำกริยา http://dict.longdo.com/search/Active
Passive - เกี่ยวกับกรรมวาจก http://dict.longdo.com/search/passive
(กรรม - คนหรือสิ่งที่ถูกกระทำ)
ความต่างอยู่ตรงที่คำว่า "กระทำ" โดย Active ประธานกระทำ แต่ Passive ประธานถูกกระทำ
ต่อไป ก็จะได้พูดถึงโครงสร้างของประโยค Passive Voice กันนะคะ
ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วเกิดคำถามขึ้นในใจว่า แล้วโครงสร้างประโยค Active Voice ล่ะ
คำตอบของบิ้วคือ ก็tense ทั้ง 12 tenses นั่นแหละค่ะ ที่เป็นโครงสร้างของ Active ทั้งหมด
ซึ่งโครงสร้างก็ไม่ได้มีแต่ประโยคบอกเล่า ก็จะรวมถึงคำถามและปฏิเสธด้วยเหมือนกัน
แต่ในบล็อกนี้ บิ้วอยากให้ทุกๆคน เข้าใจโครงสร้างบอกเล่ากันก่อนนะคะ
แน่นอนว่า ถ้า Active มี 12 tenses Passive ก็ต้องมีเหมือนกัน แถมแต่ละ tense ก็มีโครงสร้างทั้ง
บอกเล่า คำถาม และ ปฏิเสธเหมือนกัน อย่างละ 3 โครงสร้าง โหยย มากมายใช่ป่าวคะ
แต่จริงๆแล้ว ไม่มีอะไรยากเลยค่ะ เรื่อง tense เนี่ย บิ้วมีสูตรโครงสร้างบอกเล่าของ Acitve ทั้ง 12 tenses
ไว้แล้ว ในบล็อกอันแรก http://rati-ho.blogspot.com/2011/12/12.html สิ่งที่อยากจะบอกคือ
ถ้าพื้นฐานเรื่องโครงสร้างเราแน่น อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรน่ากลัวค่ะ ถ้าเกิดคำพูดขึ้นในใจว่า
ก็โครงสร้างของตัวเองไม่แน่น ผู้อ่านก็ต้องหาวิธีที่จะพัฒนาตัวเองนะคะ ของแบบนี้สอนกันไม่ได้หรอก
ได้แค่แนะนำ ทุกอย่างอยู่ที่ใจของผู้อ่านเองค่ะ ว่าจะพยายามมากน้อยแค่ไหน
มาเข้าเรื่องโครงสร้างของ Passive กันเลยค่ะ
โครงสร้างยืนพื้นของ Passive คือ v.to be + V.3
ถ้าใครเคยอ่าน หรือยังไม่ได้อ่านบล็อกอันแรก บิ้วแนะนำให้ไปอ่านตรงนั้นก่อนค่ะ เพราะเราจะใช้สูตรเดียวกัน คือการบวก (+) โครงสร้างประโยคเข้าด้วยกัน มาลองทำดูนะคะ
Tenses Active เปลี่ยนเป็น Passive ได้ดังนี้ค่ะ
Present Simple S + V.1 S + is/am/are + V.3
โครงสร้าง Present Simple คือ S + V.1 รวมกับ Passive คือ be + V.3
เขียนเป็นสูตรได้ดังนี้ค่ะ Present Simple + Passive
S+ V.1 + be + V.3
เน้นสีม่วงคือ V.1 ใน Present Sim มาชนกับ be (หรือ V. to be) ใน Passive
V.1 ของ V.to be มีอยู่สามตัว คือ is/am/are
จึงได้ผลสุดท้ายตามนี้ค่ะ Present Simple Passive = S+is/am/are + V.3
อยากให้ทุกๆคนเข้าใจสูตรตรงนี้ก่อนนะคะ ... บิ้วคงต้องขอจบเพียงเท่านี้ก่อน เพราะเดี๋ยวจะยาวไป
อยากให้เข้าใจคร่าวๆ เกี่ยวกับความหมายกันก่อน ส่วนเรื่องโครงสร้าง ไว้ไปติดตามอ่านในบล็อกถัดไปกันนะคะ ... ขอบคุณค่า :)
มาทำความเข้าใจกันดีกว่า ว่า Passive Voice คือ อะไร แต่ก่อนที่จะไปรู้จักเค้า บิ้วคงต้องขอแนะนำActive Voice ก่อนแล้วกันนะคะ แต่ก่อนอื่นที่จะรู้จักทั้ง Active และ Passive มาดูคำว่า Voice กันก่อนนะคะ
คำว่า Voice ณ ทีนี้ไม่ได้แปลว่า เสียง นะคะ แต่มันแปลได้ว่า วาจกในไวยากรณ์ http://dict.longdo.com/search/voice%20
ซึ่งวาจกตัวนี้ ถ้าเป็นคำนาม จะแปลว่า ผู้บอก หรือ ผู้พูด แต่ถ้าเป็นกริยา จะแปลว่า คำบอกหน้าที่ของคำกริยา http://www.online-english-thai-dictionary.com/definition.aspx?data=2&word=%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%81
ทีนี้ก็มาดูกันค่ะ ว่า Active กับ Passive เค้ามีความต่างกันยังไง
Active - ประธานเป็นผู้กระทำกริยา http://dict.longdo.com/search/Active
Passive - เกี่ยวกับกรรมวาจก http://dict.longdo.com/search/passive
(กรรม - คนหรือสิ่งที่ถูกกระทำ)
ความต่างอยู่ตรงที่คำว่า "กระทำ" โดย Active ประธานกระทำ แต่ Passive ประธานถูกกระทำ
ต่อไป ก็จะได้พูดถึงโครงสร้างของประโยค Passive Voice กันนะคะ
ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วเกิดคำถามขึ้นในใจว่า แล้วโครงสร้างประโยค Active Voice ล่ะ
คำตอบของบิ้วคือ ก็tense ทั้ง 12 tenses นั่นแหละค่ะ ที่เป็นโครงสร้างของ Active ทั้งหมด
ซึ่งโครงสร้างก็ไม่ได้มีแต่ประโยคบอกเล่า ก็จะรวมถึงคำถามและปฏิเสธด้วยเหมือนกัน
แต่ในบล็อกนี้ บิ้วอยากให้ทุกๆคน เข้าใจโครงสร้างบอกเล่ากันก่อนนะคะ
แน่นอนว่า ถ้า Active มี 12 tenses Passive ก็ต้องมีเหมือนกัน แถมแต่ละ tense ก็มีโครงสร้างทั้ง
บอกเล่า คำถาม และ ปฏิเสธเหมือนกัน อย่างละ 3 โครงสร้าง โหยย มากมายใช่ป่าวคะ
แต่จริงๆแล้ว ไม่มีอะไรยากเลยค่ะ เรื่อง tense เนี่ย บิ้วมีสูตรโครงสร้างบอกเล่าของ Acitve ทั้ง 12 tenses
ไว้แล้ว ในบล็อกอันแรก http://rati-ho.blogspot.com/2011/12/12.html สิ่งที่อยากจะบอกคือ
ถ้าพื้นฐานเรื่องโครงสร้างเราแน่น อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรน่ากลัวค่ะ ถ้าเกิดคำพูดขึ้นในใจว่า
ก็โครงสร้างของตัวเองไม่แน่น ผู้อ่านก็ต้องหาวิธีที่จะพัฒนาตัวเองนะคะ ของแบบนี้สอนกันไม่ได้หรอก
ได้แค่แนะนำ ทุกอย่างอยู่ที่ใจของผู้อ่านเองค่ะ ว่าจะพยายามมากน้อยแค่ไหน
มาเข้าเรื่องโครงสร้างของ Passive กันเลยค่ะ
โครงสร้างยืนพื้นของ Passive คือ v.to be + V.3
ถ้าใครเคยอ่าน หรือยังไม่ได้อ่านบล็อกอันแรก บิ้วแนะนำให้ไปอ่านตรงนั้นก่อนค่ะ เพราะเราจะใช้สูตรเดียวกัน คือการบวก (+) โครงสร้างประโยคเข้าด้วยกัน มาลองทำดูนะคะ
Tenses Active เปลี่ยนเป็น Passive ได้ดังนี้ค่ะ
Present Simple S + V.1 S + is/am/are + V.3
โครงสร้าง Present Simple คือ S + V.1 รวมกับ Passive คือ be + V.3
เขียนเป็นสูตรได้ดังนี้ค่ะ Present Simple + Passive
S+ V.1 + be + V.3
เน้นสีม่วงคือ V.1 ใน Present Sim มาชนกับ be (หรือ V. to be) ใน Passive
V.1 ของ V.to be มีอยู่สามตัว คือ is/am/are
จึงได้ผลสุดท้ายตามนี้ค่ะ Present Simple Passive = S+is/am/are + V.3
อยากให้ทุกๆคนเข้าใจสูตรตรงนี้ก่อนนะคะ ... บิ้วคงต้องขอจบเพียงเท่านี้ก่อน เพราะเดี๋ยวจะยาวไป
อยากให้เข้าใจคร่าวๆ เกี่ยวกับความหมายกันก่อน ส่วนเรื่องโครงสร้าง ไว้ไปติดตามอ่านในบล็อกถัดไปกันนะคะ ... ขอบคุณค่า :)
Subject -Verb Agreement (การใช้กริยาให้สอดคล้องกับประธาน)
ก่อนจะเข้าเนื้อหา มาดูความหมายของหัวข้อกันก่อนนะคะ
Subject (S) แปลว่า ประธาน
Verb (V) แปลว่า กริยา
Agreement แปลว่า ความสอดคล้องทางไวยากรณ์ http://dict.longdo.com/search/agreement
เพราะฉะนั้น เมื่อนำมารวมกัน ก็จะแปลได้ว่า "ความสอดคล้องกันของประธานและกริยา"
ถ้าจะถามว่า "ความสอดคล้อง" นี้คืออะไร ก็ต้องมาเข้าใจกันก่อนว่า ประโยคในภาษาอังกฤษนั้น
ประกอบด้วย S+V ซึ่ง S เป็นเอกพจน์ (มีเพียงหนึ่ง) V ที่ใช้คู่กับประธานตัวนั้นก็ต้องเป็น V ที่เป็นเอกพจน์ หรือถ้า S เป็นพหูพจน์ V ที่ใช้คู่กับประธานตัวนั้นก็ต้องเป็น V ที่เป็นพหูพจน์ (บิ้วเคยได้เขียนเนื้อหานี้คร่าวๆไปแล้วในบล็อกที่ชื่อว่า พจน์ของประธานต้องสัมพันธ์กับพจน์ของกริยา
( http://rati-ho.blogspot.com/2012/01/blog-post_07.html) ซึ่งในบล็อกนั้น จะเป็นพวกกริยาที่ทำหน้าที่เป็น V.ช่วย พื้นฐานคือ V. to be, V. to do , V. to have
ก่อนจะไปเข้าเนื้อหา บิ้วอยากให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับ S และ V ก่อนค่ะ
เนื่องจาก S ส่วนใหญ่จะเป็นคำนาม ซึ่งคำนาม ถ้ามี s หรือ es แสดงว่า คำนามนั้นเป็นพหูพจน์
ตรงข้ามกับ V โดยถ้า V มี s หรือ es เค้าจะเป็น กริยาที่มีความเป็นเอกพจน์ทันทีค่ะ
(ทวนกฏโครงสร้างของ Present Simple ก็ได้ค่ะ)
บิ้วขอแบ่งเนื้อหาออกเป็นสามกลุ่มนะคะ
กลุ่มที่หนึ่ง - กลุ่มที่ใช้กับ V ที่เป็นเอกพจน์
กลุ่มที่สอง - กลุ่มที่ใช้กับ V ที่เป็นพหูพจน์
กลุ่มที่สาม - กลุ่มที่ใช้กับ V ที่เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ (แล้วแต่กรณี)
มาดูกลุ่มแรกกันค่ะ
กลุ่มที่ใช้กับ V ที่เป็นเอกพจน์ - คำสรรพนามที่ไม่เฉพาะเจาะจง (Indefinite Pronouns), ประธานสองตัวถูกเชื่อมตัวคำว่า or/nor, ประธานที่ขึ้นต้นด้วย จำนวนเงินหรือช่วงระยะเวลา, ประธานที่ขึ้นต้นด้วยชื่อของหนังสือ ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ หรือชื่อโรค
กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มที่ใช้กับ V ที่เป็น พหูพพจน์ - ประธานสองตัวที่ถูกเชื่อมด้วยคำว่า and
กลุ่มที่สาม คือ อาจจะใช้กับ V ที่เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์แล้วแต่กรณี
ขอแบ่งแบบนี้นะคะ
หัวข้อ เอกพจน์ พหูพจน์
1. Either...or, Neither...nor
Not only...but also สังเกตที่ประธาน (คำนาม)ตัวที่ 2
2. Here/There สังเกตที่คำนามหลังกริยาที่อยู่หลัง Here/ There
3. Collective Nouns ทุกคนในกลุ่มทำกริยาร่วมกัน คนในกลุ่มไม่ทำกริยาร่วมกัน
(คำนามที่เป็นกลุ่ม) (ทำกริยานั้นพร้อมกันทุกคน) (ต่างคนต่างทำ)
ต้องแปลโจทย์ให้ออกค่ะ ว่าประธาน (คำนามที่เป็นกลุ่ม)มีการกระทำกริยาร่วมกันหรือไม่
4. Relative Pronoun สังเกตคำนามหน้าคำเชื่อม
(คำสรรพนามที่ทำหน้าที่
เป็นคำเชื่อม)
5. กลุ่มคำที่เชื่อมด้วยวลี สังเกตประธาน (คำนาม)ตัวแรก
ต่อไปนี้ accompanied by,
along with, as well as, besides,
but, except, excluding, in addition to,
in company with, including like, not,
plus, together with
6. ..... number of The number of A number of
7. คำที่บ่งบอกเศษ สังเกตคำนามหลัง of เป็นหลัก
(Portions)
ตามนี้เลยนะค้า :) สงสัยตรงไหนก็โพสต์ถามทิ้งไว้ได้เลยค่ะ หรือมีอะไรแนะนำก็บอกกันได้เลยนะค้า ขอบคุณมากๆเลยนะค้า สำหรับใครที่เข้ามาติดตามบล็อกของบิ้ว :)
Friday, April 20, 2012
Future Simple
วันนี้ฟิตของจริง... อีกอย่างนึงก็ หลานหลับด้วย หุหุ เลยมีเวลาอัพบล็อก มาต่อกันเลยค๊าบ
คุณ ฟิว ซิม คุณคนนี้ ชอบนึกถึงแต่เรื่องในอนาคตค่ะ มีสองร่างในคนเดียว คือ วิล (will) และ บีหนึ่ง โกอิ้ง ทู (is/am/are going to) คุณวิลเนี่ย โลเล ไม่แน่นอนค่ะ แต่ก็ชอบเสนอตัวช่วยเหลือคนอื่น แล้วก็สัญญาว่าจะทำนู่นทำนี่ให้
ส่่วนคุณ บีหนึ่ง โกอิ้ง ทู เป็นคนตั้งใจทำอะไรแน่นอน มีการวางแผนค่ะ
ทั้งสองร่าง เวลาพูดเล่าเรื่องไปเรื่่อยๆ จะตามด้วย คุณ อินฟิ เสมอค่ะ (v. infinitve)
แต่เวลาถามเนี่ย คุณวิล จะง่ายหน่อยค่ะ คือ เค้าจะชอบมาอยู่หน้าคุณ เอส ที่เป็นประธาน แล้ว คุณ อินฟิ จะเปลี่ยนใจไปอยู่หลังคุณ เอสแทน เพราะงอนที่คุณ วิลไปอยู่ข้างหน้า
ส่วนคุณ บีหนึ่ง โกอิ้ง ทู เนี่ย คุณ บีหนึ่ง จะไปอยู่หน้าประโยคคนเดียวค่ะ แต่คุณเอส จะตามไปคั่นระหว่าง บีหนึ่ง กับ โกอิ้ง ทู ในร่างนี้ คุณ อิน ฟิ ตามหลัง ทูเหมือนเดิมค่ะ ไม่งอน เพราะทูไม่ได้ทิ้งไปไหน
สุดท้ายคือ เวลาเค้าปฏิเสธเนี่ย ร่างแรกคือ ร่างคุณวิล คุณ น็อทจะไปอยู่หลังคุณวิลเสมอค่ะ แล้ว คุณ อิน ฟิ ยอมไปอยู่หลัง คุณ น็อท
ร่างที่สอง คือ ร่างของคุณ บีหนึ่ง โกอิ้ง ทู คุณ น็อตจะอยู่หลังคุณ บีหนึ่ง เสมอค่ะ แล้วถึงจะตามด้วย โกอิ้ง ทู แล้วเป็นคุณ อิน ฟิ เหมือนเดิม
เห็นน้องๆ พวกนี้ รู้ได้เลยว่าเป็นคุณ ฟิว ซิมแน่ค่ะ คือ next.... , tomorrow, soon, tonight
สรุปโครงสร้าง
Positive (บอกเล่า) - S + will + V.infinitive
S + is/am/are + going to + V.infinitive
Interrogative/ Question (คำถาม) - Will + S + V.infinitive?
Is/Am/Are + S + going to + V.infinitive?
Negative (ปฏิเสธ) - S + will + not + V.infinitive
S + is/am/are + not + going to + V.infinitive
คุณ ฟิว ซิม คุณคนนี้ ชอบนึกถึงแต่เรื่องในอนาคตค่ะ มีสองร่างในคนเดียว คือ วิล (will) และ บีหนึ่ง โกอิ้ง ทู (is/am/are going to) คุณวิลเนี่ย โลเล ไม่แน่นอนค่ะ แต่ก็ชอบเสนอตัวช่วยเหลือคนอื่น แล้วก็สัญญาว่าจะทำนู่นทำนี่ให้
ส่่วนคุณ บีหนึ่ง โกอิ้ง ทู เป็นคนตั้งใจทำอะไรแน่นอน มีการวางแผนค่ะ
ทั้งสองร่าง เวลาพูดเล่าเรื่องไปเรื่่อยๆ จะตามด้วย คุณ อินฟิ เสมอค่ะ (v. infinitve)
แต่เวลาถามเนี่ย คุณวิล จะง่ายหน่อยค่ะ คือ เค้าจะชอบมาอยู่หน้าคุณ เอส ที่เป็นประธาน แล้ว คุณ อินฟิ จะเปลี่ยนใจไปอยู่หลังคุณ เอสแทน เพราะงอนที่คุณ วิลไปอยู่ข้างหน้า
ส่วนคุณ บีหนึ่ง โกอิ้ง ทู เนี่ย คุณ บีหนึ่ง จะไปอยู่หน้าประโยคคนเดียวค่ะ แต่คุณเอส จะตามไปคั่นระหว่าง บีหนึ่ง กับ โกอิ้ง ทู ในร่างนี้ คุณ อิน ฟิ ตามหลัง ทูเหมือนเดิมค่ะ ไม่งอน เพราะทูไม่ได้ทิ้งไปไหน
สุดท้ายคือ เวลาเค้าปฏิเสธเนี่ย ร่างแรกคือ ร่างคุณวิล คุณ น็อทจะไปอยู่หลังคุณวิลเสมอค่ะ แล้ว คุณ อิน ฟิ ยอมไปอยู่หลัง คุณ น็อท
ร่างที่สอง คือ ร่างของคุณ บีหนึ่ง โกอิ้ง ทู คุณ น็อตจะอยู่หลังคุณ บีหนึ่ง เสมอค่ะ แล้วถึงจะตามด้วย โกอิ้ง ทู แล้วเป็นคุณ อิน ฟิ เหมือนเดิม
เห็นน้องๆ พวกนี้ รู้ได้เลยว่าเป็นคุณ ฟิว ซิมแน่ค่ะ คือ next.... , tomorrow, soon, tonight
สรุปโครงสร้าง
Positive (บอกเล่า) - S + will + V.infinitive
S + is/am/are + going to + V.infinitive
Interrogative/ Question (คำถาม) - Will + S + V.infinitive?
Is/Am/Are + S + going to + V.infinitive?
Negative (ปฏิเสธ) - S + will + not + V.infinitive
S + is/am/are + not + going to + V.infinitive
Past Simple
วันนี้ฟิตๆ มาดูกันต่อที่คุณ พาส ซิม ค่า :)
คุณพาส ซิม ชอบนึกถึงแต่อดีตที่จบไปแล้วค่ะ เกิดขึ้นไปแล้ว สิ้นสุดลงไปแล้วในอดีต
รูปร่างหน้าตา กับการพูดของเค้าก็จะแบ่งได้ตามนี้ค่ะ
ถ้าพูดทั่วๆไป บอกเล่าเรื่องราวทั่วๆไป คุณ พาส ซิม จะเป็น สอง (v.2)
แต่ถ้าถามเมื่อไหร่ ต้องมีคุณ ดิ๊ด (did = v.2 ของ v. to do) มาช่วย แล้วตัวคุณ สอง ก็ต้องแปลงร่างให้เป็น คุณ หนึ่ง (v.1) ทุกครั้ง
ส่วนเวลาปฏิเสธ คุณ ดิ๊ด (did) ก็มาช่วยอยู่ข้างหน้า คุณ น็อท (not) แล้วตัวคุณ สอง ที่ตามหลัง
คุณ น็อทมา ก็ต้องแปลงร่างให้เป็น คุณ หนึ่ง (v.1) เช่นกัน
สำหรับคุณพาส ซิม จะมีน้องๆ ไม่กี่คนที่ตามเค้ามาค่ะ ก็จะมี yesterday, last .... , in ..ปี ค.ศ. .....
สรุปโครงสร้าง
Positive (บอกเล่า) - S + V.2
Interrogative/ Question (คำถาม) - Did + S + V1?
Negative (ปฏิเสธ) - S + did + not + V.1
คุณพาส ซิม ชอบนึกถึงแต่อดีตที่จบไปแล้วค่ะ เกิดขึ้นไปแล้ว สิ้นสุดลงไปแล้วในอดีต
รูปร่างหน้าตา กับการพูดของเค้าก็จะแบ่งได้ตามนี้ค่ะ
ถ้าพูดทั่วๆไป บอกเล่าเรื่องราวทั่วๆไป คุณ พาส ซิม จะเป็น สอง (v.2)
แต่ถ้าถามเมื่อไหร่ ต้องมีคุณ ดิ๊ด (did = v.2 ของ v. to do) มาช่วย แล้วตัวคุณ สอง ก็ต้องแปลงร่างให้เป็น คุณ หนึ่ง (v.1) ทุกครั้ง
ส่วนเวลาปฏิเสธ คุณ ดิ๊ด (did) ก็มาช่วยอยู่ข้างหน้า คุณ น็อท (not) แล้วตัวคุณ สอง ที่ตามหลัง
คุณ น็อทมา ก็ต้องแปลงร่างให้เป็น คุณ หนึ่ง (v.1) เช่นกัน
สำหรับคุณพาส ซิม จะมีน้องๆ ไม่กี่คนที่ตามเค้ามาค่ะ ก็จะมี yesterday, last .... , in ..ปี ค.ศ. .....
สรุปโครงสร้าง
Positive (บอกเล่า) - S + V.2
Interrogative/ Question (คำถาม) - Did + S + V1?
Negative (ปฏิเสธ) - S + did + not + V.1
Present Perfect
แหะๆ ... เบี้ยวมาหลายวันเกิน เดี๋ยววันนี้มาดูคุณ เพรส เพอ (Present Perfect) ต่อกันนะคะ
ก่อนอื่นก็ต้องมารู้จักนิสัยของคุณ เพรส เพอ กันนะคะ คุณเพรสเพอเนี่ย เป็นคนมีนิสัยสามนิสัยอยู่ในตัวคนๆเดียวค่ะ
ข้อแรกเลย เค้าเป็นคนที่ชอบทำอะไรใช้ระยะเวลาค่ะ ถ้าทำอะไรก็ทำอะไรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ข้อสองคือ เค้าเป็นคนที่ชอบคิดถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตของเค้าค่ะ ว่าเคยทำ หรือไม่เคยทำอะไรมาบ้าง
ข้อที่สามคือ เค้าเป็นคนที่ชอบคิดถึงสิ่งที่ "พึ่งเริ่มทำ" หรือ "พึ่งทำเสร็จ" ไป
ต่อมาก็จะเป็นรูปร่างหน้าตา และลักษณะการพูดของเค้านะคะ
ถ้าพูดประโยคบอกเล่า คุณเพรส เพอ ต้องมี คุณ แฮฟหนึ่ง (v.ช่อง 1ของ v. to have) นำหน้า คุณ สาม (v.3)
แต่ถ้าเป็นประโยคคำถาม คุณ แฮฟหนึ่ง จะอยู่หน้าสุด คั่นด้วยคุณ เอส (S= Subject) ก่อน แล้วถึงตามด้วย คุณ สาม
สุดท้ายคือประโยคปฏิเสธ คุณ น็อท (not) จะอยู่หลัง คุณ แฮฟหนึ่ง เสมอค่ะ
สุดท้ายคือ ถ้าคุณเพรส เพอไปไหน แล้วเราจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นเค้า เพราะอาจจะมีน้องๆพวกนี้อยู่กับเค้าค่ะ
already, for, since, just, ever, never, recently, yet, up to the present time, until now, so far
สรุปโครงสร้าง
Positive (บอกเล่า) - S+ have/has + V
Interrogative/ Question (คำถาม) - Have/Has + S+ V.3?
Negative (ปฏิเสธ) - S + have/has + not + V.3
ก่อนอื่นก็ต้องมารู้จักนิสัยของคุณ เพรส เพอ กันนะคะ คุณเพรสเพอเนี่ย เป็นคนมีนิสัยสามนิสัยอยู่ในตัวคนๆเดียวค่ะ
ข้อแรกเลย เค้าเป็นคนที่ชอบทำอะไรใช้ระยะเวลาค่ะ ถ้าทำอะไรก็ทำอะไรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ข้อสองคือ เค้าเป็นคนที่ชอบคิดถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตของเค้าค่ะ ว่าเคยทำ หรือไม่เคยทำอะไรมาบ้าง
ข้อที่สามคือ เค้าเป็นคนที่ชอบคิดถึงสิ่งที่ "พึ่งเริ่มทำ" หรือ "พึ่งทำเสร็จ" ไป
ต่อมาก็จะเป็นรูปร่างหน้าตา และลักษณะการพูดของเค้านะคะ
ถ้าพูดประโยคบอกเล่า คุณเพรส เพอ ต้องมี คุณ แฮฟหนึ่ง (v.ช่อง 1ของ v. to have) นำหน้า คุณ สาม (v.3)
แต่ถ้าเป็นประโยคคำถาม คุณ แฮฟหนึ่ง จะอยู่หน้าสุด คั่นด้วยคุณ เอส (S= Subject) ก่อน แล้วถึงตามด้วย คุณ สาม
สุดท้ายคือประโยคปฏิเสธ คุณ น็อท (not) จะอยู่หลัง คุณ แฮฟหนึ่ง เสมอค่ะ
สุดท้ายคือ ถ้าคุณเพรส เพอไปไหน แล้วเราจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นเค้า เพราะอาจจะมีน้องๆพวกนี้อยู่กับเค้าค่ะ
already, for, since, just, ever, never, recently, yet, up to the present time, until now, so far
สรุปโครงสร้าง
Positive (บอกเล่า) - S+ have/has + V
Interrogative/ Question (คำถาม) - Have/Has + S+ V.3?
Negative (ปฏิเสธ) - S + have/has + not + V.3
Friday, April 13, 2012
Present Continuous
ถ้าพูดถึงคุณเพรส คอนท์ ให้เรานึกเสมอๆเลยนะคะว่า เค้าเป็นคนที่ชอบกระทำกริยาในขณะที่กำลังกล่าวถึงอยู่
รูปร่างของเค้าเวลาพูดถึงประโยคบอกเล่า จะประกอบด้วย ประธาน (S) ตามติดด้วย บีหนึ่ง (V. ช่อง 1 ของ v. to be = is, am, are) และ อิ้ง (V. เติม ing) จะตามติดหลัง บีหนึ่งอีกทีนึงค่ะ
แต่เวลาพูดคำถามเนี่ย บีหนึ่ง เค้าจะมาอยู่หน้าประธานเสมอๆ ก็เลยทำให้อิ้งได้อยู่หลังประธานแทนค่ะ
ในเวลาที่เค้าต้องการจะปฏิเสธ ก็จะมีคุณ น็อท (not) จะไปอยู่หลัง บีหนึ่ง ก่อนหน้า อิ้งค่ะ ซึ่งบีหนึ่งก็ตามติดหลังประธานเหมือนเดิมนะคะ
น้องๆ ที่มักจะอยู่กับคุณเพรส คอนท์เสมอๆ คือ now, right now, at the moment, at the present time
สรุปโครงสร้าง
Positive - S + is/am/are + V.ing
Interrogative (Question) - Is/Am/Are + S + V.ing?
Negative - S + is/am/are + not + V.ing
รูปร่างของเค้าเวลาพูดถึงประโยคบอกเล่า จะประกอบด้วย ประธาน (S) ตามติดด้วย บีหนึ่ง (V. ช่อง 1 ของ v. to be = is, am, are) และ อิ้ง (V. เติม ing) จะตามติดหลัง บีหนึ่งอีกทีนึงค่ะ
แต่เวลาพูดคำถามเนี่ย บีหนึ่ง เค้าจะมาอยู่หน้าประธานเสมอๆ ก็เลยทำให้อิ้งได้อยู่หลังประธานแทนค่ะ
ในเวลาที่เค้าต้องการจะปฏิเสธ ก็จะมีคุณ น็อท (not) จะไปอยู่หลัง บีหนึ่ง ก่อนหน้า อิ้งค่ะ ซึ่งบีหนึ่งก็ตามติดหลังประธานเหมือนเดิมนะคะ
น้องๆ ที่มักจะอยู่กับคุณเพรส คอนท์เสมอๆ คือ now, right now, at the moment, at the present time
สรุปโครงสร้าง
Positive - S + is/am/are + V.ing
Interrogative (Question) - Is/Am/Are + S + V.ing?
Negative - S + is/am/are + not + V.ing
Thursday, April 12, 2012
Present Simple Tense
จริงๆแล้ว เรื่อง tense บิ้วขึ้นโครงสร้างบอกเล่าคร่าวๆให้ครบทุกtense ไปแล้วนะคะ ในบล็อกอันแรก ...
Present Simple หรือบางตำรา อาจจะเรียกว่า Simple Present ก็คือตัวเดียวกันนั่นแหละค่ะ...
ทีนี้ถ้าพูดถึง tense ทุก tense จะต้องเจาะอยู่สามตัวหลักใหญ่ๆก่อน คือ หลักการใช้ โครงสร้าง (บอกเล่า, คำถาม, ปฏิเสธ) และ คำบอกเวลา ตามมาดูเรื่องราวของ คุณเพรส ซิม (Present Simple) กันเลยค่ะ
คุณเพรส ซิม เนี่ย เค้าชอบทำอะไรที่เป็นปกติ เป็นนิสัย เป็นประจำ เป็นปัจจุบัน นอกจากนี้ก็ยังเป็นคนที่ชอบพูดแต่ความจริง พูดแต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ แล้วก็ยังชอบแสดงอารมณ์ ความรู้สึก ชอบบอกสถานภาพของตัวเองให้คนอื่นรู้ บอกทุกๆอย่างเลย ว่าชอบไม่ชอบอะไร เป็นสีนู้นสีนี้ สรุปคือ เป็นคนเปิดเผยค่ะ บอกทุกสิ่งทุกอย่างให้โลกรู้
เวลาคุณเพรส ซิม เค้าบอกเล่าเรื่องราวปกติเนี่ย เค้าจะมี คุณ เวิร์บหนึ่ง (V.1) ตามมาค่ะ แต่เวลาเค้ามีคำถามหรือปฏิเสธใคร เค้าจะมีผู้ช่วยมาช่วยทำให้คำถามกับการปฏิเสธของเค้าสมบูรณ์ โดยผู้ช่วยของเค้าคือ คุณ ดูหนึ่ง (ช่อง 1 ของ V.to do - do, does)
สุดท้ายของวันนี้คือ คุณ เพรส ซิม เนี่ย เค้าจะมีน้องๆคำบอกเวลาที่เห็นเมื่อไหร่ รู้แน่นอนว่า เป็นคุณเพรส ซิมแน่นอน คือ always, usually, sometimes, seldom, hardly, rarely, every ....., never, once/ twice a week, .... hours a day
หมดแล้วค่ะ Present Simple ฉบับย่อ :) เดี๋ยวเขียนสรุปโครงสร้างให้นะคะ
Positive (บอกเล่า) - S + V1 (เติม s/es ท้ายกริยาในกรณีที่ประธานเป็นเอกพจน์)
Interrogative/ Question (คำถาม) - Do/Does + S+ V1? (ตัด s/es ออก ถ้ามี does)
Negative (ปฏิเสธ) - S + do/does + not + V1 (ตัด s/es ออก ถ้ามี does)
Present Simple หรือบางตำรา อาจจะเรียกว่า Simple Present ก็คือตัวเดียวกันนั่นแหละค่ะ...
ทีนี้ถ้าพูดถึง tense ทุก tense จะต้องเจาะอยู่สามตัวหลักใหญ่ๆก่อน คือ หลักการใช้ โครงสร้าง (บอกเล่า, คำถาม, ปฏิเสธ) และ คำบอกเวลา ตามมาดูเรื่องราวของ คุณเพรส ซิม (Present Simple) กันเลยค่ะ
คุณเพรส ซิม เนี่ย เค้าชอบทำอะไรที่เป็นปกติ เป็นนิสัย เป็นประจำ เป็นปัจจุบัน นอกจากนี้ก็ยังเป็นคนที่ชอบพูดแต่ความจริง พูดแต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ แล้วก็ยังชอบแสดงอารมณ์ ความรู้สึก ชอบบอกสถานภาพของตัวเองให้คนอื่นรู้ บอกทุกๆอย่างเลย ว่าชอบไม่ชอบอะไร เป็นสีนู้นสีนี้ สรุปคือ เป็นคนเปิดเผยค่ะ บอกทุกสิ่งทุกอย่างให้โลกรู้
เวลาคุณเพรส ซิม เค้าบอกเล่าเรื่องราวปกติเนี่ย เค้าจะมี คุณ เวิร์บหนึ่ง (V.1) ตามมาค่ะ แต่เวลาเค้ามีคำถามหรือปฏิเสธใคร เค้าจะมีผู้ช่วยมาช่วยทำให้คำถามกับการปฏิเสธของเค้าสมบูรณ์ โดยผู้ช่วยของเค้าคือ คุณ ดูหนึ่ง (ช่อง 1 ของ V.to do - do, does)
สุดท้ายของวันนี้คือ คุณ เพรส ซิม เนี่ย เค้าจะมีน้องๆคำบอกเวลาที่เห็นเมื่อไหร่ รู้แน่นอนว่า เป็นคุณเพรส ซิมแน่นอน คือ always, usually, sometimes, seldom, hardly, rarely, every ....., never, once/ twice a week, .... hours a day
หมดแล้วค่ะ Present Simple ฉบับย่อ :) เดี๋ยวเขียนสรุปโครงสร้างให้นะคะ
Positive (บอกเล่า) - S + V1 (เติม s/es ท้ายกริยาในกรณีที่ประธานเป็นเอกพจน์)
Interrogative/ Question (คำถาม) - Do/Does + S+ V1? (ตัด s/es ออก ถ้ามี does)
Negative (ปฏิเสธ) - S + do/does + not + V1 (ตัด s/es ออก ถ้ามี does)
Tuesday, April 10, 2012
Article (คำนำหน้าคำนาม)
Article หรือ คำนำหน้าคำนามนี้ ในโลกของภาษาอังกฤษทั้งหมดทั้งมวล มีอยู่แค่ 3 ตัวเท่านั้นค่ะ ขอให้จำให้ขึ้นใจคือ a, an, the ไม่พูดอะไรมากแล้วกันนะคะ บิ้วขอเข้าเนื้อหาในเรื่องการใช้ของแต่ละตัวเลยค่ะ
ต้องบอกก่อนว่า เนื้อหาอาจจะไม่ครบ เพราะจุดประสงค์ที่บิ้วเขียนบล็อกนี้ จริงๆแล้ว หลักๆ คือ ต้องการทบทวนบทเรียนให้กับเด็กๆที่ได้เรียนเนื้อหานี้ไปแล้วเท่านั้น ถ้าผู้อ่านบางท่านที่ต้องการทราบเนื้อหามากกว่านี้ ก็สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยนะคะ
ขอจัดกลุ่มตามนี้นะคะ
กลุ่มที่ 1 คือ a, an
กลุ่มที่ 2 คือ the
กลุ่มที่ 3 คือ - (ไม่ต้องเติม)
ทีนี้มาดูกลุ่มที่หนึ่งกันค่ะ น้อง a และ น้อง an ชอบคนคนเดียวกันคือพี่ 1
แต่พี่หนึ่งออกจะเห็นแก่ตัวนิดนึง เพราะไม่ยอมเลือก เอาทั้งสองคน
เวลาไปเที่ยวกับน้อง a พี่หนึ่งจะสวมเสื้อยี่ห้อ พยัญชนะ
แต่เวลาไปเที่ยวกับน้อง an พี่หนึ่งจะสวมเสื้อยี่ห้อ สระ (a, e, i, o,u) และ พยัญชนะที่ออกเสียงเป็นตัว อ
ก็เพราะความหลายใจของพี่หนึ่งเนี่ยแหละค่ะ ทำให้น้อง a และ น้อง an รู้สึกเบื่อได้เหมือนกัน
น้องทั้งสองคนนี้เค้าก็ใช่ย่อยน่ะคะ มีกิ๊กอีกสองคน แถมเป็นคนคนเดียวกันอีก คือ พี่อาชีพ (jobs) กับ พี่เฟิร์สท ไทม์ (First time) ซึ่งกิ๊กทั้งสองคนนี้ เวลาเค้าจะไปไหนกับน้อง a หรือน้อง an เค้าก็ต้องเลือกสวมเสื้อยี่ห้อเหมือนพี่ 1 นั่นแหละค่ะ คือ ถ้าไปกับน้อง a พี่หนึ่งจะสวมเสื้อยี่ห้อ พยัญชนะ
แต่เวลาไปเที่ยวกับน้อง an พี่หนึ่งจะสวมเสื้อยี่ห้อ สระ (a, e, i, o,u) และ พยัญชนะที่ออกเสียงเป็นตัว อ
ส่วนกลุ่มที่สอง น้อง the น้องคนนี้ไม่ชอบพี่ 1 เลยค่ะ แต่ถ้าเป็นพี่ 2 พี่ 3 พี่ 4 พี่ 5 พี่ 6 ไปเรื่อยๆ นี่เห็นทีวิ่งเข้าใส่ แถมยังไม่พอนะคะ น้องคนนี้เค้ายังชอบพี่ สถานที่ที่มีเพียงหนึ่ง (only one place) กับพี่ ขั้นสุด (superlatives) อีก ชอบเยอะจริงๆ เลยน้า แบบนี้จะสับรางไหวป่าวน้อ???
เอาเป็นว่า เราไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นนะคะ ไปดูกลุ่มสุดท้ายกันเลยดีกว่าน้อ :)
มาถึงกลุ่มสุดท้ายกันนะคะ กลุ่มที่ไม่เติมอะไรเลย กลุ่มนี้เค้าจะชอบพูดถึง คนหรือสิ่งของทั่วๆไป ไม่เจาะจง บางทีก็พูดถึงเมืองหรือประเทศ บางทีก็จะพูดถึงคำนามพหูพจน์หรือคำนามนับไม่ได้นะคะ วันๆนึง กลุ่มนี้เค้าจะคุยกันแค่นี้แหละค่ะ
ก็หมดไปแล้วนะคะ สำหรับเรื่อง article หรือคำนำหน้านาม ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรก็สอบถามทิ้งไว้ได้เลยนะค้า :)
ต้องบอกก่อนว่า เนื้อหาอาจจะไม่ครบ เพราะจุดประสงค์ที่บิ้วเขียนบล็อกนี้ จริงๆแล้ว หลักๆ คือ ต้องการทบทวนบทเรียนให้กับเด็กๆที่ได้เรียนเนื้อหานี้ไปแล้วเท่านั้น ถ้าผู้อ่านบางท่านที่ต้องการทราบเนื้อหามากกว่านี้ ก็สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยนะคะ
ขอจัดกลุ่มตามนี้นะคะ
กลุ่มที่ 1 คือ a, an
กลุ่มที่ 2 คือ the
กลุ่มที่ 3 คือ - (ไม่ต้องเติม)
ทีนี้มาดูกลุ่มที่หนึ่งกันค่ะ น้อง a และ น้อง an ชอบคนคนเดียวกันคือพี่ 1
แต่พี่หนึ่งออกจะเห็นแก่ตัวนิดนึง เพราะไม่ยอมเลือก เอาทั้งสองคน
เวลาไปเที่ยวกับน้อง a พี่หนึ่งจะสวมเสื้อยี่ห้อ พยัญชนะ
แต่เวลาไปเที่ยวกับน้อง an พี่หนึ่งจะสวมเสื้อยี่ห้อ สระ (a, e, i, o,u) และ พยัญชนะที่ออกเสียงเป็นตัว อ
ก็เพราะความหลายใจของพี่หนึ่งเนี่ยแหละค่ะ ทำให้น้อง a และ น้อง an รู้สึกเบื่อได้เหมือนกัน
น้องทั้งสองคนนี้เค้าก็ใช่ย่อยน่ะคะ มีกิ๊กอีกสองคน แถมเป็นคนคนเดียวกันอีก คือ พี่อาชีพ (jobs) กับ พี่เฟิร์สท ไทม์ (First time) ซึ่งกิ๊กทั้งสองคนนี้ เวลาเค้าจะไปไหนกับน้อง a หรือน้อง an เค้าก็ต้องเลือกสวมเสื้อยี่ห้อเหมือนพี่ 1 นั่นแหละค่ะ คือ ถ้าไปกับน้อง a พี่หนึ่งจะสวมเสื้อยี่ห้อ พยัญชนะ
แต่เวลาไปเที่ยวกับน้อง an พี่หนึ่งจะสวมเสื้อยี่ห้อ สระ (a, e, i, o,u) และ พยัญชนะที่ออกเสียงเป็นตัว อ
ส่วนกลุ่มที่สอง น้อง the น้องคนนี้ไม่ชอบพี่ 1 เลยค่ะ แต่ถ้าเป็นพี่ 2 พี่ 3 พี่ 4 พี่ 5 พี่ 6 ไปเรื่อยๆ นี่เห็นทีวิ่งเข้าใส่ แถมยังไม่พอนะคะ น้องคนนี้เค้ายังชอบพี่ สถานที่ที่มีเพียงหนึ่ง (only one place) กับพี่ ขั้นสุด (superlatives) อีก ชอบเยอะจริงๆ เลยน้า แบบนี้จะสับรางไหวป่าวน้อ???
เอาเป็นว่า เราไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นนะคะ ไปดูกลุ่มสุดท้ายกันเลยดีกว่าน้อ :)
มาถึงกลุ่มสุดท้ายกันนะคะ กลุ่มที่ไม่เติมอะไรเลย กลุ่มนี้เค้าจะชอบพูดถึง คนหรือสิ่งของทั่วๆไป ไม่เจาะจง บางทีก็พูดถึงเมืองหรือประเทศ บางทีก็จะพูดถึงคำนามพหูพจน์หรือคำนามนับไม่ได้นะคะ วันๆนึง กลุ่มนี้เค้าจะคุยกันแค่นี้แหละค่ะ
ก็หมดไปแล้วนะคะ สำหรับเรื่อง article หรือคำนำหน้านาม ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรก็สอบถามทิ้งไว้ได้เลยนะค้า :)
Subscribe to:
Posts (Atom)