Comparisons คือ การเปรียบเทียบ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1. การเปรียบเทียบคำคุณศัพท์ (Adjective)
2. การเปรียบเทียบคำกริยาวิเศษณ์ (Adverb)
ซึ่งในแต่ละประเภทก็จะสามารถแบ่งการเปรียบเทียบได้อีก 3 รูปแบบ คือ
1. ขั้นเท่า (Positive Degree)
2. ขั้นกว่า (Comparative Degree)
3. ขั้นสุด (Superlative Degree)
เนื้อหาของแต่ละขั้นแทบจะไม่มีความต่างกันเลยในการเปรียบเทียบคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์
สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ กริยาที่ใช้ในชนิดของคำ โดย
คำคุณศัพท์ (Adjective) ทำหน้าที่ ขยายคำนาม จะตามหลัง V. to be หรือ Linking V. แล้วจะเป็นการเปรียบเทียบ "คุณลักษณะ คุณสมบัติ"
คำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) ทำหน้าที่ ขยายคำกริยา คำคุณศัพท์ และคำกริยาวิเศษณ์อื่นๆ (แต่ ณ ที่นี่ขอให้เด็กๆเน้นแต่หน้าที่ในการขยายคำกริยา ก็จะเป็นการเปรียบเทียบ "การกระทำกริยาของคำนาม")
เพราะฉะนั้น จะสามารถแยกโครงสร้างของการใช้คำแต่ละชนิดได้ดังนี้คือ
คำคุณศัพท์ = S + V. to be/ Linking V. + Adjective
คำกริยาวิเศษณ์ = S + V + (O) + Adverb (ที่ต้องวงเล็บ O ไว้เพราะ อาจจะมีกรรมหรือไม่มีกรรมก็ได้)
ดังนั้น ก่อนที่จะกล่าวเนื้อหาของแต่ละขั้น จึงจะสรุปไว้ตรงนี้เลยว่า "ถ้าอยากรู้ว่า ประโยคนั้นเป็นการเปรียบเทียบคำคุณศัพท์หรือคำกริยาวิเศษณ์ให้สังเกตที่กริยา โดย
ถ้ากริยาเป็น V. to be/ Linking V. แสดงว่า ประโยคนั้นเป็นการเปรียบเทียบคำคุณศัพท์
แต่ถ้ากริยาเป็น กริยาทั่วไปๆ ที่ปรากฎในกาลเวลาทั่วๆไป จะวิ่ง กิน นอน เดิน หรืออะไรก็ตามที่เป็นกริยา (จะอยู่ในรูปอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็แล้วแต่ ขอแค่อย่าเป็น V.to be หรือ Linking V. เป็นพอ) แสดงว่าประโยคนั้นเป็นการเปรียบเทียบคำกริยาวิเศษณ์
ทีนี้เนื้อหาแต่ละขั้นง่ายมากค่ะ มาดูกันเลย
1. ขั้นเท่า ก็จะแบ่งเป็นย่อยๆ อีกสองขั้นคือ
- ขั้นเท่า คือ มีความเหมือนกัน as_____________as
- ขั้นไม่เท่า คือ มีความไม่เหมือนกัน not as/so____________as
2. ขั้นกว่า จะเปรียบเทียบแค่ 2 ถ้าเป็นการเปรียบเทียบคำคุณศัพท์ ก็จะเป็น 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 ที่ 2 อะไรก็ได้ค่ะ ขอให้เป็นสอง แต่ถ้าเปรียบเทียบคำกริยาวิเศษณ์ ก็จะเป็นการกระทำ 2 การกระทำ
ตัวสังเกตของ ขั้นนี้ จะมี
-adj. หรือ adv. ที่สามารถเติมer ได้เลย
- more ตามด้วย adj หรือ adv. โดยที่ไม่มี er ต่อท้าย ให้จำไว้เสมอว่า ถ้ามี more อยู่หน้า adj หรือ adv. ตัวไหน ก็ห้ามใส่ -er เด็ดขาด
- than จะใช้มาเชื่อมในกรณีที่มีคำนามตัวที่หนึ่งขึ้นต้นประโยคแล้วมีคำนามตัวที่สองปิดท้ายประโยค ซึ่งคำนามหรือคำสรรพนามตัวที่สองจะอยู่หลังแดนเสมอ ถ้าในประโยคมีคำนามแค่ตัวเดียว แต่เป็นการเปรียบเทียบขั้นกว่า ไม่ต้องใช้than ค่ะ
3. ขั้นสุด ตามทฤษฎีจะชอบบอกว่า เปรียบเทียบมากกว่า 3 ถ้าเป็นการเปรียบเทียบคำคุณศัพท์ ก็จะมากกว่า 3คน 3 สิ่ง 3 ตัว 3 ที่ 3 อะไรก็ได้ค่ะ ขอให้มากกว่าสามขึ้นไป แต่ถ้าเปรียบเทียบคำกริยาวิเศษณ์ ก็จะเป็นการกระทำที่มีคนมากกว่า 3 คนในการกระทำนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะมีเพียง "หนึ่งเดียว ที่เป็นที่สุด" ถึงจะเรียกว่า "ขั้นสุด" ได้ใช่มั๊ยคะ เพราะฉะนั้น ตามหลักจริงๆแล้ว ประโยคขั้นสุด จะมี"คำนามขึ้นต้นประโยคเพียงแค่ตัวเดียว"เพื่อบ่งบอก "ความเป็นที่สุด"
ตัวสังเกตของ ขั้นนี้ จะมี
-adj. หรือ adv. ที่สามารถเติมest ได้เลย
- most ตามด้วย adj หรือ adv. โดยที่ไม่มี est ต่อท้าย ให้จำไว้เสมอว่า ถ้ามี most อยู่หน้า adj หรือ adv. ตัวไหน ก็ห้ามใส่ -est เด็ดขาด
- the ขั้นสุดต้องมี the กำกับอยู่หน้า adj.+ est เสมอ หรือในกรณีที่คำไหนใส่ est ไม่ได้ ต้องเอา most ไว้ข้างหน้า ก็ให้เอา the วางไว้หน้า most ในกรณีที่เป็นการเปรียบเทียบขั้นสุดของ adjective
แต่ถ้าเป็นการเปรียบเทียบขั้นสุด ของ adverb ไม่ต้องใส่ the นำหน้า adv. + -est หรือ หน้า most + adv.
- ขั้นสุดจะชอบมีวลีพวกนี้ต่อท้ายอยู่ค่ะ in the world, in the class, in the room คือมันจะที่สุดในโลก ในชั้นเรียน ในห้องเรียน หรือในอะไรก็ว่าไปค่ะ กับพวกนี้ I've ever known, I've seen เท่าที่ฉันเลยรู้มา เท่าที่ฉันเคยเห็นมา
สรุปสั้้นๆ คือ การใช้ the ในขั้นสุดใช้ได้กับการเปรียบเทียบคำคุณศัพท์ แต่ถ้าเป็นการเปรียบเทียบคำกริยาวิเศษณ์ไม่ต้องใช้ the นะจ๊ะ :)
มีเท่านี้แหละค่า ส่วนพวกกฏการทำคำคุณศัพท์ให้เป็นขั้นกว่ากับขั้นสุดมันไม่ยากนะจ๊ะ ขอไม่สรุปลงในนี้แล้วกันนะค้า แต่มีอะไรที่อยากจะบอกซักนิดนึงว่า เรื่องการเปรียบเทียบคำกริยาวิเศษณ์เนี่ย ก่อนที่จะทำได้ เราต้องรู้หลักการเปลี่ยนคำคุณศัพท์เป็นคำกริยาวิเศษณ์ก่อนนะคะ แต่จะมีอยู่ 3 คำ ที่สามารถเป็นได้ทั้งคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์ได้เลยคือ hard, fast, long, high คำอื่นๆ ก็ต้องไปทวนเนื้อหากันเองนะค้า
ขอบคุณค่า
ReplyDeleteกำลังงงอยู่พอดีเรย
ReplyDeleteอะไรที่พอจะช่วยได้ ก็ยินดีมากๆเลยค่าาา :) ขอบคุณนะคะ
ReplyDelete