Tuesday, January 31, 2012

Direct and Indirect (Reported) Speech (Rules)

สำหรับเนื้อหาไวยากรณ์เรื่องนี้นะคะ เราต้องมาทำความรู้จักกับตัวแสดงหลักทั้งสองตัวก่อนค่ะ
Direct Speech - Direct แปลว่า "ตรง" Speech แปลว่า "คำพูด" เอามารวมกัน ก็จะหมายถึง "คำพูดที่ตรงออกมาจากปากของผู้พูด" ก็คือ "คำพูดที่ผู้พูดเป็นคนพูดเอง" จะสังเกตได้ว่า ประโยคที่เป็น Direct Speech จะเป็นประโยคที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูด "..."

Indirect แปลว่า "ไม่ตรง"  เพราะฉะนั้น Indirect Speech แปลว่า "คำพูดที่ไม่ได้ออกจากปากของผู้พูดโดยตรง แต่เป็นผู้อื่นที่กล่าวแทน" สรุปง่ายๆ คือ เป็นคำพูดที่ผู้อื่นเอาไปพูดต่อ
Reported แปลว่า "ที่ถูกรายงาน"  เพราะฉะนั้น Reported Speech แปลว่า "คำพูดที่ถูกรายงาน(โดยผู้อื่นที่ไม่ได้เป็นคนพูดประโยคนั้น)"  Indirect Speech หรือ Reported Speech เป็นตัวเดียวกัน แค่มีชื่อเรียกที่ต่างกัน แต่ในรายละเอียดเหมือนกันหมด

หลักในการทำประโยคDirect Speech ให้เป็น Indirect (Reported) Speech มีอยู่ 5 ข้อ
1. เปลี่ยนสรรพนาม (Shifting Pronouns) ต้องเปลี่ยนตามสถานการณ์ ให้ดูตามประโยคว่าใครเป็นคนพูด หรือใครเป็นคนที่ถูกพูดด้วย ต้องมีความรู้เรื่องคำสรรพนามทั้งหมด

สูตรของการเปลี่ยนสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นประธาน (Subject Pronouns) 
 Direct                                                                     Indirect (Reported)
He/She said "I......                                                  He/ She said he/she....
They said "We.....                                                   They said they...........

นอกเหนือจากสูตรข้างบนนี้ ไม่ว่าอะไรจะอยู่หน้า said หรืออยู่หลังเครื่องหมายคำพูด"..."ก็ตาม ไม่ต้องเปลี่ยน
เช่น  Direct Speech:                      She said "They'.....
         Indirect (Reported) Speech:  She said they....

2. เปลี่ยนสถานที่ (Shifting Place) เปลี่ยนแค่ตัวเดียว คือถ้าเห็น here (ทีนี่)ในdirect speech ให้เปลี่ยนเป็น there (ที่นั่น) ใน indirect (reported speech)
3. เปลี่ยนคำบอกเวลา (Shifting Time Expressions) ท่องจำอย่างเดียว
4. ย้อนกาลเวลา (Shifting Tenses) ต้องแม่นโครงสร้างกาลเวลา ต้องรู้ว่ากาลเวลานี้มีโครงสร้างประโยคบอกเล่า คำถามหรือปฏิเสธเป็นแบบไหน  ต้องรู้เกี่ยวกับกริยาช่วยพื้นฐานทั้ง 3 ตัว คือ V.to be, V. to do, V. to have (เรื่องกริยาช่วยมีเขียนไว้แล้วในบล็อกนี้ ย้อนไปอ่านได้ค่ะ) นอกจากนี้ยังต้องรู้เรื่องพจน์ของประธานแล้วก็พจน์ของกริยาด้วย และสุดท้ายคือมีความรู้เรื่องกริยาสามช่อง

ซึ่งการย้อนกาลเวลานี้ แบ่งออกเป็นหัวข้อย่อยๆได้อีกสองหัวข้อ คือ
1. ไม่มีการย้อนกาลเวลา (No backshift)  ในกรณีที่ ในdirect speech มี say/says, will say
2. มีการย้อนกาลเวลา (Backshift) ศึกษาตามกฏการย้อนกาลเวลาปกติ

5. เอาเครื่องหมายคำพูดออก (Omitting the quotation mark) การนำคำพูดของคนอื่นมาพูด คำพูดนั้นไม่สามารถอยู่ในเครื่องหมายคำพูดได้ เพราะผู้พูดไม่ได้เป็นคนพูดประโยคนั้นเอง

4 comments:

  1. เข้าใจขึ้นเยอะเลยคับ..แต่ต้องไปท่องจำ^^

    ReplyDelete
  2. ห้องผมขึ้นเรื่องนี้ไปแล้วหลอค๊าบบ

    ReplyDelete
  3. ยังเลยคับ...แต่เรียนตอนม.ปลายยังไม่รู้เรื่องคับ
    พออ่านแล้วก็พอเข้าใจกว่าเดิมคับ

    ReplyDelete
  4. อ่อจ้า ดีใจน้า ที่ช่วยได้ :) ขอบคุณค๊าบบ

    ReplyDelete