Tuesday, February 14, 2012

หลักการทำข้อสอบในส่วนการอ่าน

สำหรับบล็อกนี้ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า บิ้วไม่ได้เขียนเองค่า แต่ไปหาข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์มาให้ทุกๆคนนะค้า


ข้อสอบการอ่านภาษาอังกฤษนั้นประกอบด้วยเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวต่างๆ ที่ผู้สอบต้องทำความเข้าใจ แล้วตอบคำถาม ซึ่งผู้สอบย่อมต้องมีทักษะหลายๆ ประการ ดังนั้น

                1. รู้ศัพท์ (Vocabulary) ให้มากที่สุด การสอบ Reading แต่ละครั้ง เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเรื่องที่จะออกมาในเรื่องใด หากเป็นเรื่องที่เรามีความคุ้นเคย ก็ถือว่าเป็นโชคดีเพราะเราอาจจะเข้าใจเนื้อเรื่องมาก่อนแล้ว การเดาศัพท์ก็ทำได้ไม่ยาก ในทางกลับกันหากเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ย่อมจะเพิ่มความลำบากให้เรามากขึ้น ดังนั้นการรู้ศัพท์เป็นจำนวนมาก หรือเข้าใจหลักการในการเดาศัพท์จากคำใกล้เคียงส่งผลให้เรามีโอกาสในการเข้าใจเรื่องนั้นๆ

                2. เข้าใจในโครงสร้างหลักภาษาอังกฤษ (English Structure หรือ Grammar)ตามหลักการเขียนภาษาอังกฤษนั้น จะเริ่มจากการนำคำศัพท์มาเรียงกันให้เกิดประโยค เมื่อประโยค หลายๆ ประโยคมารวมกันก็จะกลายเป็นย่อหน้า และเมื่อแต่ละย่อหน้ามาประกอบกันจะได้เนื้อเรื่อง ดังนั้นการรวมกันของศัพท์เพื่อให้ได้ประโยคย่อมต้องอาศัยหลักการโครงสร้างภาษาอังกฤษที่จะต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญหลัก 3 ส่วนคือ
                ส่วนประธาน (Subject) ที่ทำหน้าที่เป็นตัวหลักของประโยค ส่วนที่สองคือส่วนการกระทำ หรือกริยา (Verb)ซึ่งจะกำหนดการกระทำที่เกิดขึ้นของประธาน และส่วนสุดท้ายซึ่งจะมีหรือไม่มีก็ได้ คือส่วนกรรม (Object) คือส่วนรองรับการกระทำจากกริยา ด้วยเหตุนี้ผู้อ่านต้องแยกแยะแต่ละส่วนหลักของประโยคให้ได้เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึง ใครทำอะไร ส่วนคำประกอบที่เหลือก็จะเป็นส่วนขยายให้ประโยคมีความชัดเจนมากขึ้น
                ดังนั้นการรู้ประเภทของคำในศัพท์ เช่น คำนาม (Noun) คำกริยา (Verb) คำสรรพนาม (Pronoun) หรือ คำอื่นๆ จะทำให้เราได้ทราบถึงตำแหน่งและหน้าที่การวางคำในประโยคตามหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ


เทคนิคการทำข้อสอบ Reading

                1.  ถาม  title  หรือ  topic  (ชื่อเรื่อง) , main  idea  (ความคิดหลักของเรื่อง)  วิธีการตอบคำถามประเภทนี้สามารถใช้เทคนิคในกรหาคำตอบได้ดังนี้

          -  ใช้วิธี  skim  และ  scan  คือการกวาดตาอย่างรวดเร็ว  เพื่อหาคำซ้ำๆ  ในเรื่อง  ซึ่งเป็นคำที่ซ้ำๆ ที่อยู่ในกลุ่มคำที่น่าจะสัมพันธ์กัน  นำมาประมวลรวมกันเพื่อรวมเป็นหัวเรื่องหรือแนวคิดหลักของเรื่อง
          -  ถ้าเนื้อเรื่องที่อ่านมีเพียง  1-2  ย่อหน้า  ให้อ่านประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของย่อหน้าแรก  เพราะปะโยคแรกและประโยคสุดท้ายของแต่ละย่อหน้า  มักจะเป็นประโยคที่มี  main  idea  แล้วนำประโยคที่อ่านมาประมวลความคิด  เพื่อหาความคิดหลักของเรื่อง

          ถ้าเนื้อเรื่องที่อ่านมีตั้งแต่  3 ย่อหน้าขึ้นไป  ให้อ่านย่อหน้าแรกและย่อหน้าสุดท้าย  เพราะย่อหน้าแรกมักจะเป็นคำนำ  และย่อหน้าสุดท้ายมักจะเป็นสรุป  ซึ่งจะทำให้เราสามารถจับใจความหลักของเนื้อเรื่องที่เราอ่านได้

          title , topic  หรือ main idea  ของเรื่องจะต้องไม่กว้างมากเกินไปหรือไม่แคบเกินไป  ถ้าจะเปรียบความคิดหลักของเรื่องก็คล้ายๆ  กับฝาชี  เรามีฝาชีไว้ครอบจานอาหาร  ฝาชีนั้นต้องครอบอาหารได้ทุกจาน  ไม่มีจานใดจานหนึ่งเล็ดลอดออกมา  ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ใหญ่จนเกินไป เช่น  ถ้าคำซ้ำๆ  กันในเนื้อเรื่องคือ  tiger , leopard , zebra , hare, snake  ดังนั้น  title  หรือ  topic  ก็ควรจะเป็น  wild  animals  ถ้าเราเลือก  animal  เฉยๆ  ก็มักจะกว้างเกินไป  จริงไหมคะ

                2.  ถาม  pronoun  reference  นั่นก็คือคำถามประเภท  “it”  line…..refers  to…. เทคนิคการทำข้อสอบประเภทนี้มี  2  วิธี  คือ

          -  ถ้าข้อสอบถามถึงคำประเภท  เช่น  he , she , they , we , this , that , there , these , those , one , such , the above  เราต้องใช้วิธีการ  backward  คือ  ถอยหลังกลับไปอ่านในประโยคก่อนหน้านี้  1-2  ประโยค  ถ้าไม่เจออาจจะถอยไปประโยคที่  แต่โอกาสที่จะถอยไป  3 ประโยค  หรือเกินกว่านี้มีน้อยมาก  เพราะตามหลักของการเขียนจะไม่อ้างอิงหลายประโยค  เพราะอาจทำให้ผู้อ่านสับสน

Source: http://www.vcharkarn.com/varticle/40099 (เลือกมาแค่ที่สำคัญๆกับการทำข้อสอบส่วนการอ่านของวิชานี้นะคะ) 

No comments:

Post a Comment