ข้อสอบการอ่านภาษาอังกฤษนั้นประกอบด้วยเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวต่างๆ
ที่ผู้สอบต้องทำความเข้าใจ แล้วตอบคำถาม ซึ่งผู้สอบย่อมต้องมีทักษะหลายๆ ประการ
ดังนั้น
1. รู้ศัพท์ (Vocabulary) ให้มากที่สุด การสอบ Reading แต่ละครั้ง
เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเรื่องที่จะออกมาในเรื่องใด
หากเป็นเรื่องที่เรามีความคุ้นเคย
ก็ถือว่าเป็นโชคดีเพราะเราอาจจะเข้าใจเนื้อเรื่องมาก่อนแล้ว
การเดาศัพท์ก็ทำได้ไม่ยาก ในทางกลับกันหากเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ย่อมจะเพิ่มความลำบากให้เรามากขึ้น ดังนั้นการรู้ศัพท์เป็นจำนวนมาก
หรือเข้าใจหลักการในการเดาศัพท์จากคำใกล้เคียงส่งผลให้เรามีโอกาสในการเข้าใจเรื่องนั้นๆ
2. เข้าใจในโครงสร้างหลักภาษาอังกฤษ (English
Structure หรือ
Grammar)ตามหลักการเขียนภาษาอังกฤษนั้น
จะเริ่มจากการนำคำศัพท์มาเรียงกันให้เกิดประโยค เมื่อประโยค หลายๆ
ประโยคมารวมกันก็จะกลายเป็นย่อหน้า
และเมื่อแต่ละย่อหน้ามาประกอบกันจะได้เนื้อเรื่อง
ดังนั้นการรวมกันของศัพท์เพื่อให้ได้ประโยคย่อมต้องอาศัยหลักการโครงสร้างภาษาอังกฤษที่จะต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญหลัก
3
ส่วนคือ
ส่วนประธาน (Subject) ที่ทำหน้าที่เป็นตัวหลักของประโยค
ส่วนที่สองคือส่วนการกระทำ หรือกริยา (Verb)ซึ่งจะกำหนดการกระทำที่เกิดขึ้นของประธาน
และส่วนสุดท้ายซึ่งจะมีหรือไม่มีก็ได้ คือส่วนกรรม (Object) คือส่วนรองรับการกระทำจากกริยา
ด้วยเหตุนี้ผู้อ่านต้องแยกแยะแต่ละส่วนหลักของประโยคให้ได้เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึง
ใครทำอะไร ส่วนคำประกอบที่เหลือก็จะเป็นส่วนขยายให้ประโยคมีความชัดเจนมากขึ้น
ดังนั้นการรู้ประเภทของคำในศัพท์
เช่น คำนาม (Noun) คำกริยา (Verb) คำสรรพนาม (Pronoun) หรือ คำอื่นๆ
จะทำให้เราได้ทราบถึงตำแหน่งและหน้าที่การวางคำในประโยคตามหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการทำข้อสอบ
Reading
1. ถาม title หรือ topic (ชื่อเรื่อง) , main idea (ความคิดหลักของเรื่อง) วิธีการตอบคำถามประเภทนี้สามารถใช้เทคนิคในกรหาคำตอบได้ดังนี้
- ใช้วิธี
skim และ
scan คือการกวาดตาอย่างรวดเร็ว เพื่อหาคำซ้ำๆ
ในเรื่อง ซึ่งเป็นคำที่ซ้ำๆ
ที่อยู่ในกลุ่มคำที่น่าจะสัมพันธ์กัน
นำมาประมวลรวมกันเพื่อรวมเป็นหัวเรื่องหรือแนวคิดหลักของเรื่อง
- ถ้าเนื้อเรื่องที่อ่านมีเพียง 1-2
ย่อหน้า
ให้อ่านประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของย่อหน้าแรก
เพราะปะโยคแรกและประโยคสุดท้ายของแต่ละย่อหน้า มักจะเป็นประโยคที่มี main
idea แล้วนำประโยคที่อ่านมาประมวลความคิด เพื่อหาความคิดหลักของเรื่อง
ถ้าเนื้อเรื่องที่อ่านมีตั้งแต่ 3 ย่อหน้าขึ้นไป ให้อ่านย่อหน้าแรกและย่อหน้าสุดท้าย เพราะย่อหน้าแรกมักจะเป็นคำนำ และย่อหน้าสุดท้ายมักจะเป็นสรุป
ซึ่งจะทำให้เราสามารถจับใจความหลักของเนื้อเรื่องที่เราอ่านได้
title , topic หรือ main idea ของเรื่องจะต้องไม่กว้างมากเกินไปหรือไม่แคบเกินไป ถ้าจะเปรียบความคิดหลักของเรื่องก็คล้ายๆ กับฝาชี
เรามีฝาชีไว้ครอบจานอาหาร
ฝาชีนั้นต้องครอบอาหารได้ทุกจาน
ไม่มีจานใดจานหนึ่งเล็ดลอดออกมา
ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ใหญ่จนเกินไป เช่น
ถ้าคำซ้ำๆ กันในเนื้อเรื่องคือ tiger , leopard , zebra , hare,
snake ดังนั้น title
หรือ topic
ก็ควรจะเป็น wild
animals ถ้าเราเลือก animal
เฉยๆ ก็มักจะกว้างเกินไป จริงไหมคะ
2. ถาม pronoun reference
นั่นก็คือคำถามประเภท “it”
line…..refers to…. เทคนิคการทำข้อสอบประเภทนี้มี 2
วิธี คือ
- ถ้าข้อสอบถามถึงคำประเภท เช่น he
, she , they , we , this , that , there , these , those , one , such , the
above เราต้องใช้วิธีการ backward คือ
ถอยหลังกลับไปอ่านในประโยคก่อนหน้านี้
1-2 ประโยค ถ้าไม่เจออาจจะถอยไปประโยคที่ 3
แต่โอกาสที่จะถอยไป 3 ประโยค
หรือเกินกว่านี้มีน้อยมาก
เพราะตามหลักของการเขียนจะไม่อ้างอิงหลายประโยค เพราะอาจทำให้ผู้อ่านสับสน
Source: http://www.vcharkarn.com/varticle/40099
(เลือกมาแค่ที่สำคัญๆกับการทำข้อสอบส่วนการอ่านของวิชานี้นะคะ)
No comments:
Post a Comment